Blog Headlines

หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Samsung Galaxy Tab : มาดูกันรีวิวกัน

กระแสของ Galaxy Tab ของทาง Samsung ในตอนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นกระแสดังไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องในลักษณะแท็บเบล็ต ที่มีลูกเล่นและการใช้งานครอบคลุมมากกว่าอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ และก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่า มันคือคู่ปรับตัวสำคัญของ iPad จาก Apple นั่นเอง ผมเพิ่งได้เครื่อง Samsung Galaxy Tab มาอยู่ในมือเมื่อวานนี้ เลยขอเก็บภาพเปิดกล่องลองใช้งานแบบคร่าวๆมาฝากกันก่อนในรอบแรก เพราะอยากจะบอกเล่าความรู้สึกแรกที่ผมได้เจอะเจอเจ้า Samsung Galaxy Tab ให้ได้ฟังกัน ผมได้เครื่องมาช่วงตอนบ่าย หลังจากพนักงานจัดส่งสินค้านำมาส่งให้ถึงมือ หลังจากนั้นก็ ขอดูหน้าตาตัวเป็นๆเจ้าเครื่องนี้กันสักหน่อยดีกว่า เพราะว่ามันคือพระเอกคนดังที่กระแสไม่แพ้ iPad



พอเปิดกล่อง ฟ๊าบบบบบบบ เห็นมันนอนอยู่ในกล่องสงบนิ่ง หน้าตาครั้งแรกที่เห็นผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับ iPad ย่อส่วนชัดๆ ทรวดทรงอารมณ์ต่างๆ มันก็คือ iPad ขนาดจิ๋วนั่นเอง



อุปกรณ์ในกล่องมีให้มาไม่กี่ชิ้น คือมีตัวเครื่องและสายชาร์จ อุปกณณ์พอๆกับตอนซื้อ iPad มาเลย หน้าตาสายชาร์จ และหม้อแปลงเหมือนกับ iPad มากครับ ตัวเครื่องความรู้สึกแรกที่หยิบมันขึ้นมา รู้สึกความแตกต่างกับ iPad ที่ใช้อยู่ Samsung Galaxy Tab มันจับถนัดมือมากกว่า น้ำหนักเบากว่า เพราะตัวมันเล็กกว่าพอสมควร ใครที่ใช้ iPad จะทราบดีว่าเวลาใช้งานแบบไม่ใส่เคส จะรู้สึกว่าจับแล้วเสียงเครื่องจะหลุดมือ แต่เจ้า Samsung Galaxy Tab ไม่เป็นครับ



แผ่นหลังเรียบๆ ไม่สามารถถอดแบตได้เหมือนกับ iPad เลยมีรูกล้องให้มาอยู่ด้านหลัง ความหนาตัวเครื่องพอๆกับ iPad ครับแผ่นหลังขาวเรียบๆ






กระแสของ Galaxy Tab ของทาง Samsung ในตอนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นกระแสดังไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องในลักษณะแท็บเบล็ต ที่มีลูกเล่นและการใช้งานครอบคลุมมากกว่าอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ และก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่า มันคือคู่ปรับตัวสำคัญของ iPad จาก Apple นั่นเอง ผมเพิ่งได้เครื่อง Samsung Galaxy Tab มาอยู่ในมือเมื่อวานนี้ เลยขอเก็บภาพเปิดกล่องลองใช้งานแบบคร่าวๆมาฝากกันก่อนในรอบแรก เพราะอยากจะบอกเล่าความรู้สึกแรกที่ผมได้เจอะเจอเจ้า Samsung Galaxy Tab ให้ได้ฟังกัน ผมได้เครื่องมาช่วงตอนบ่าย หลังจากพนักงานจัดส่งสินค้านำมาส่งให้ถึงมือ หลังจากนั้นก็ ขอดูหน้าตาตัวเป็นๆเจ้าเครื่องนี้กันสักหน่อยดีกว่า เพราะว่ามันคือพระเอกคนดังที่กระแสไม่แพ้ iPad



พอเปิดกล่อง ฟ๊าบบบบบบบ เห็นมันนอนอยู่ในกล่องสงบนิ่ง หน้าตาครั้งแรกที่เห็นผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับ iPad ย่อส่วนชัดๆ ทรวดทรงอารมณ์ต่างๆ มันก็คือ iPad ขนาดจิ๋วนั่นเอง











อุปกรณ์ในกล่องมีให้มาไม่กี่ชิ้น คือมีตัวเครื่องและสายชาร์จ อุปกณณ์พอๆกับตอนซื้อ iPad มาเลย หน้าตาสายชาร์จ และหม้อแปลงเหมือนกับ iPad มากครับ ตัวเครื่องความรู้สึกแรกที่หยิบมันขึ้นมา รู้สึกความแตกต่างกับ iPad ที่ใช้อยู่ Samsung Galaxy Tab มันจับถนัดมือมากกว่า น้ำหนักเบากว่า เพราะตัวมันเล็กกว่าพอสมควร ใครที่ใช้ iPad จะทราบดีว่าเวลาใช้งานแบบไม่ใส่เคส จะรู้สึกว่าจับแล้วเสียงเครื่องจะหลุดมือ แต่เจ้า Samsung Galaxy Tab ไม่เป็นครับ







แผ่นหลังเรียบๆ ไม่สามารถถอดแบตได้เหมือนกับ iPad เลยมีรูกล้องให้มาอยู่ด้านหลัง ความหนาตัวเครื่องพอๆกับ iPad ครับแผ่นหลังขาวเรียบๆ







ตัวเครื่องเมื่ออยู่บนฝ่ามือขนาดใหญ่พอประมาณ เท่าที่ผมลองใช้และลองพกพาดู จริงๆแล้วขนาดมันกำลังพอดีสำหรับการใช้งานพกพามากกว่า iPad หากพูดกันแบบไม่อ้อมค้อม iPad เป็นเครื่องที่หน้าจอใหญ่ มองชัดจนกว่า เก็บรายละเอียดได้มากกว่า แต่พกพาใส่กระเป๋าไม่ได้ ต้องถือแยกต่างหาก แต่สำหรับ Galaxy Tab นั้น หากจะพกพากันจริงๆ ผมลองเอาใส่กระเป๋ากางเกงดู ก็ใส่พกได้นะครับ เพียงแต่นั่งลำบาก แต่ก็ไม่น่าเกลียดอะไรมากหากจะใช้มันเป็นโทรศัพท์ เจ๋งๆสักเครื่อง ผมลองใช้งานด้านโทรศัพทืดูแล้ว ก็ Work ดี คือคุยผ่านทาง Speaker Phone และคุยผ่านทาง Small Talk


ตัวเครื่องวัสดุที่ใช้ไม่แพ้ iPad เลยครับ แต่สำหรับเรื่องความชัดเจน และความสบายตาในการมอง ผมยกให้ iPad ชนะไปเลยเพราะจอมันใหญ่กว่าเยอะ


ขนาดลองเปรียบเทียบกับ เม๊าส์ทั่วไป ตัวระบบปฎิบัติการใน Samsung Galaxy Tab เป็นแอนดรอยด์ 2.2 มีการปรับแต่งอินเตอรืเฟสให้ใช้งานง่าย แต่โดยส่วนตัวแล้วผมยังชอบระบบปฎิบัติการของตัว iPad มากกว่า แอนดรอยด์ เพราะทำงานได้คล่องตัวมากกว่า อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว การทำงานเท่าที่ผมลองเอามาเปรียบเทียบกับ iPad ผมรู้สึกว่า iPad ยังทำงานได้ลื่นกว่า พอสมควร เช่นโปรแกรมในหลายๆโปรแกรมที่คล้ายๆกันอย่างพวก Ebook และอื่นๆ



ข้อได้เปรียบของ Samsung Galaxy Tab ก็คือมีช่องเสียบ Micro SD ความบางตัวเครื่องพอๆกับ iPad โดยด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง / ปุ่มเปิดเครื่อง/ ช่องใส่ Micro SD และช่องใส่ SIM




ปุ่มปรับระดับเสียงด้านข้าง



ด้านล่างตัวเครื่อง ช่อง connector คล้ายกับของ iPad มาก ผมลองเทียบกันดูแล้วใส่กันไม่ได้นะครับ แต่หน้าตาเหมือนกันเลย



รูไมโครโฟนทางด้านซ้าย



ปุ่มควบคุมด้านหน้าตามสไตล์ แอนดรอยด์



เรื่องของหน้าจอผมลองนำมาเปรียบเทียบกับหน้าจอ iPad แล้ว ความสวยหน้าจอผมยกให้ iPad ครับ แต่ความสว่างและความชัดเจนของหน้าจอนั้นพอๆกัน การทำงานตัวเครื่องตามความรู้สึกแล้ว iPad จะทำงานได้เร็วกว่าหน่อย แต่มันเป็นข้อมูลจากความรู้สึกการใช้งานของผมเอง ไม่ได้ใช้โปรแกรมทดสอบใดๆ กด้านความบันเทิงนั้น การเล่น VDO และไฟล์ต่างๆ Samsung Galaxy Tab ทำงานได้ดี ไม่แตกต่างจาก iPad เลย โปรแกรมต่างๆของ Samsung ที่แถมมาให้ในเครื่องมีค่อนข้างมาก ความยืดหยุ่นในการใช้งานมีค่อนข้างสูงเพราะมันเป็นแอนดรอยด์ อย่างน้อยก็เล่นแฟลชได้สบายๆหละครับ


กล้องด้านหลังที่ติดมาให้




นี่แหละที่ iPad ไม่มี ก็คือเรื่องกล้อง ถามว่าจำเป็นไหม สำหรับผม ขอให้มีดีกว่าจะใช้ไม่ใช้ค่อยว่ากัน แต่ปกติผมเองก็ใช้กล้องจากมือถืออยู่บ่อยๆ




เทียบขนาดแล้วพ่อกับลูกเลยครับ สิ่งที่ผมชอบ Samsung Galaxy Tab มากกว่า iPad ก็คือเรื่องของขนาดตัวเครื่องที่ทำมาได้พอดี ไม่ใหญ่และไม่เล็ก แต่สามารถพกพาได้สะดวก หากใครจะบอกว่าอยากสะดวกก็ใช้ PDA Phone สิ ! มันก็จริง แต่ Samsung Galaxy Tab  ผมมองว่ามันก็คือ PDA Phone ที่จอใหญ่เก็บรายละเอียดต่างได้ดี ดูได้สบายตา แต่ขนาดสามารถพกพาได้  ส่วน iPad เหมาะกับเอาไว้ในบ้าน หรือใน ออฟฟิศ หากจะพกพาไปข่้างนอกก็คงจะเหมือนกับการพก Notebook ขนาดจิ๋ว สะดวกแต่ก็ยังไม่สบาย
 
 
หน้าตาหม้อแปลงที่มาแนวเดียวกัน



เทียบให้ดูครับ



คล้ายกันแต่ไม่เหมือนทีเดียว



ตัวอักษรในโปรแกรม Ebook ของเครื่องทั้งสอง ดูได้สบายตาพอกัน เพราะขาดตัว Font มันพอๆกัน แต่การทำงานของ iPad เร็วกว่าชัดเจน



แผ่นหลังโค้งๆเหมือนกันเลย




ทั้งหมดนี้ก็เป็นการใช้งานคร่าวๆกับความรู้สึกแรกที่ผมได้ลองใช้งานมัน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอไปทดสอบแบบเต็มๆก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งครับ สำหรับความรู้สึกผมตอนนี้ ระหว่าง Samsung Galaxy Tab กับ iPad ผมชอบอะไรมากกว่ากัน




ผมชอบ Samsung Galaxy Tab ตรงเรื่องของขนาด / มีโปรแกรมโทรศัพท์ และกล้อง

ผมชอบ iPad ที่ความชัดเจนในการมอง และการทำงานที่รวดเร็ว


Credit refferent from
http://www.mrpalm.com/list3.php?cont_id=2592

ไม่มีความคิดเห็น: